► | ฉัน/ผมได้เชิญพระเยซูให้เข้ามาในชีวิต (มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ดังต่อไปนี้) |
► | ฉัน/ผม อาจจะอยากเชิญให้พระเยซูเข้ามาในชีวิต กรุณาอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้ |
► | ฉัน/ผม มีคำถาม หรือ ความคิดเห็น |
การถอดเสียงวิดีโอ
มีที่ใดบ้างไหมที่เราจะเข้าไปเพื่อหาความมั่นคงได้? โลกที่อยู่รอบตัวเรา มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ว่าพระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง พระองค์ทรงมั่นคงและเชื่อถือได้ ในพระธรรมอิสยาห์และมาลาคี พระองค์ตรัสว่า “อย่ากลัวเลย และอย่าขามเลย เรามิได้เล่าให้เจ้าฟังตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และแจ้งให้ทราบแล้วหรือ และเจ้าเป็นพยานทั้งหลายของเรา มีพระเจ้านอกเหนือเราหรือ เออ ไม่มีพระศิลา เราไม่รู้จักเลย เพราะว่า เราคือพระเจ้า ไม่มีผันแปร...”คำว่า ไม่มีผันแปร...” แปลว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเสมอ เราสามารถไว้ใจพระองค์ได้ พระองค์ทรง “เหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อไปเป็นนิจกาล” และพระเจ้าทรงสามารถกระทำพระองค์เองให้เป็นที่รู้จักได้ ทรงประทานสันติสุขแห่งจิตใจให้แก่เราโดยทางพระองค์ ทำให้หัวใจของเรามีการพักสงบอย่างมั่นคง
เราต้องยอมรับกันว่า มีคนจำนวนมากทีเดียว ที่รอจนถึงเวลาที่ย่ำแย่มากๆ ก่อนที่จะหันมาหาพระเจ้า เมื่อชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบ ผู้คนก็ไม่มีความรู้สึกว่าตนเองต้องการพระเจ้า แต่บ่อยครั้งความรู้สึกนี้จะเปลี่ยนไป เมื่อสิ่งต่างๆเริ่มวุ่นวายยุ่งเหยิง เมื่อเราตระหนักว่า เราเหมือนอยู่ในสนามรบหรือในโพรงเพื่อหลบภัยจากสงครามที่เราต้องการเอาตัวรอด
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในสหัสวรรษหรือรอบหลายๆพันปีใหม่นี้ คนหลายคนอาจจะรู้สึกว่า ชีวิตเหมือนอยู่ในสนามรบ สันติสุขแห่งจิตใจของเราสามารถถูกทำให้สั่นคลอนได้ ในช่วงเวลาเมื่ออยู่ในภาวะวิกฤต เรามักจะแสวงหาพระเจ้า ซึ่งนั่นก็ โอเค เพราะว่าพระเจ้าผู้ทรงมั่นคง ทรงอยู่ที่นั่น และทรงต้องการที่จะมีส่วนร่วมในชีวิตของเรา ในพระธรรมอิสยาห์พระองค์ตรัสว่า “เรา เราคือพระเจ้าและนอกจากเรา ไม่มีพระเจ้าผู้ช่วยให้รอด.. จงหันมาหาเราและรับการช่วยให้รอด เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก”
ความหมายคือพระเจ้าทรงเป็น “สิ่งค้ำจุนสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ” แต่ก็เป็นไปได้มากกว่า ว่า พระองค์ทรงเป็นสิ่งค้ำจุนที่ถูกต้องชอบธรรมที่แท้จริงเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
การที่พระเจ้าทรงมีส่วนร่วมในชีวิตของเรา ทำให้เรามีสันติสุข เมื่อเราทำความรู้จักกับพระเจ้าและฟังเสียงของพระองค์ที่ได้ตรัสไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ พระองค์จะทรงนำสันติสุขเข้ามาในชีวิตของเรา เพราะว่า เรารู้จักพระองค์ เรามองชีวิตด้วยมุมมองที่เหนือกว่าของพระองค์ เรารับรู้ถึงความสัตย์ซื่อและความสามารถของพระองค์ ที่จะดูแลเรา ดังนั้นไม่ว่าสหัสวรรษใหม่จะเป็นอย่างไร เราสามารถวางความหวังของเราเอาไว้ที่พระเจ้าผู้ทรงมั่นคง พระองค์ทรงรอคอยที่จะพิสูจน์พระองค์เองในชีวิตของเรา
จะเชื่อหรือไม่ว่า ทุกๆคน กำลังสร้างชีวิตอยู่บนรากฐานบางอย่าง เราแต่ละคนมีรากฐาน นั่นคือบางอย่างที่เราวางความหวังและความเชื่อของเราบนมัน บางทีมันอาจจะเป็นตัวเราเอง เช่น “ถ้าฉันหาเงินได้อย่างเพียงพอ ชีวิตของฉันคงจะสบายและดีกว่านี้”
-แต่พระเจ้าทรงมีมุมมองที่แตกต่างออกไป พระองค์ตรัสว่า การที่เราวางความหวังและความเชื่อของเราในตัวเราเองหรือในผู้อื่น หรืออะไรก็ตามที่โลกนี้ เป็นรากฐานที่สั่นคลอน แทนที่จะเชื่อในสิ่งเหล่านั้นพระองค์ทรงต้องการให้เราไว้วางใจในพระองค์ ในพระธรรมมัทธิว พระองค์ตรัสว่า “เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญา สร้างเรือนของตนไว้บนศิลา ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่า รากตั้งอยู่บนศิลา แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง”. หากเราให้พระเจ้ามีส่วนร่วมในชีวิตของเรา คือ การที่เราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์มากขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตาม พระองค์ทรงต้องการที่จะมีอิทธิพลในแง่บวกในทุก ๆ ส่วนในชีวิตของเรา เมื่อเราพึ่งพาในพระองค์และพระวจนะของพระองค์ เราเองก็กำลังถูกสร้างขึ้นบนรากฐานที่เป็นศิลาที่มั่นคง คนบางคนจะรู้สึกมั่นคงถ้าหากว่าเขาเป็นลูกของเศรษฐีเงินล้าน หรือการที่เขารู้ว่าเขาสามารถทำเกรดสูงๆได้อย่างง่ายดาย แต่ในการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นความมั่นคงที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
เราไม่มีทางทราบเลยว่าสหัสวรรษใหม่จะนำอะไรมาบ้าง ถ้าหากมันนำความทุกข์ยากลำบากมา พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นเพื่อเรา หากมันนำมาซึ่งความสุข ความสบาย เราก็ยังต้องการพระเจ้าเพื่อที่จะเติมเต็มช่องว่างภายในชีวิตของเรานั้นให้มีความหมาย
โดยการที่เรารู้จักพระเจ้า พระองค์ทรงให้เกิดผลเหล่านี้ในเรา คือมุมมองที่เปลี่ยนแปลงและทรงให้ความหวังแก่เรา โดยการอยู่ในความสัมพันธ์กับพระองค์ เราสามารถที่จะมีสันติสุขได้ ในทุกๆสถานการณ์
ทำไมเราจำเป็นต้องให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางในชีวิตล่ะ ? ก็เพราะว่าไม่มีสันติสุขหรือความหวังที่แท้จริง นอกจากรู้จักกับพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า แต่เราเป็นแค่มนุษย์ พระองค์ไม่ต้องพึ่งพาเรา แต่เราจำเป็นต้องพึ่งพาในพระองค์ พระองค์ทรงสร้างเรา เพื่อให้เราจำเป็นต้องมีพระองค์สถิตอยู่ในชีวิตของเรา
พระเจ้าทรงต้องการให้เราแสวงหาพระองค์ พระองค์ทรงต้องการให้เรารู้จักกับพระองค์และรวมพระองค์เข้ามาในชีวิตของเรา แต่มันมีปัญหาอยู่ นั่นคือ เราทุกคนปิดประตูตาย กันพระองค์ไว้ พระธรรมอิสยาห์ พรรณนาถึงมันอย่างนี้ว่า “เราทุกคนได้หลงไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตนเอง... เราทุกคนได้พยายามที่จะทำให้ชีวิตของเราดำเนินไปด้วยดีโดยปราศจากพระเจ้า นั่นคือสิ่งที่พระคริสตธรรมคัมภีร์เรียกว่า “ความบาป”
กาลเวลาที่เปลี่ยนไปและเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากนักในภาพใหญ่ของสิ่งต่างๆ ก็เพราะว่า ปัญหาพื้นฐานของมนุษย์คือการที่เราทำตัวของเราให้ห่างไกลจากพระเจ้า ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราไม่ใช่ปัญหาทางกายแต่เป็นทางจิตวิญญาณ พระเจ้าทรงทราบสิ่งนี้ ทำให้พระองค์ทรงจัดเตรียมหนทางแก้ไขสำหรับการถูกตัดขาดจากพระองค์ของเรา พระเจ้าทรงมอบหนทางให้เราเพื่อที่เราจะหาทางกลับมาหาพระองค์ นั่นคือโดยทางพระเยซูคริสต์
ในพระธรรมยอห์นได้กล่าวเอาไว้ว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียว ของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์” พระเยซูคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขน เพราะความบาปของเราแทนเรา พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ทรงถูกฝังไว้และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย ด้วยการสิ้นพระชนม์อย่างเสียสละของพระองค์ เราจึงสามารถที่จะเข้ามาสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ และบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า”
ตอนนี้คุณเข้ามาสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้โดย คำอธิษฐานตอนรับพระเยซู
มันเป็นสิ่งเข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือว่า พระเจ้าทรงต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบกับเรา ดังนั้นพระองค์จึงทรงกระทำให้ความสัมพันธ์นั้นเป็นไปได้โดยทางพระเยซู และต่อจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะแสวงหาพระเจ้าและทูลเชิญพระองค์ให้เข้ามาในชีวิตของเราหรือไม่ ซึ่งคุณสามารถทำง่ายๆโดยการอธิษฐาน การอธิษฐานหมายถึงการพูดอย่างซื่อสัตย์จริงใจกับพระเจ้า ตอนนี้คุณก็สามารถที่จะยื่นมือของคุณเข้ามาหาพระเจ้าได้ โดยการบอกกับพระองค์ในลักษณะดังต่อไปนี้ด้วยความจริงใจ “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าต้องการรู้จักกับพระองค์ ข้าพเจ้ายังมิได้อนุญาตให้พระองค์เข้ามาในชีวิตของข้าพเจ้าเลย แต่ข้าพเจ้าต้องการจะเปลี่ยนสิ่งนั้น ข้าพเจ้าต้องการที่จะยอมรับทางแก้ไขของพระองค์ในการที่ข้าพเจ้าถูกตัดขาดจากพระองค์นั้น ข้าพเจ้าขอพึ่งพา ในการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูแทนข้าพเจ้า เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้รับการยกโทษบาป และมีความสัมพันธ์ใหม่ที่ถูกต้องกับพระองค์ ข้าพเจ้าต้องการให้พระองค์ทรงมีส่วนร่วมในชีวิตของข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
คุณได้ทูลเชิญพระเจ้าให้เข้ามาในชีวิตของคุณอย่างจริงใจหรือไม่? มีแต่คุณและพระองค์เท่านั้นที่รู้อย่างแน่นอน ถ้าคุณได้ทำด้วยความจริงใจ มีสิ่งมากมายหลายอย่างที่คอยคุณอยู่ พระเจ้าทรงสัญญาที่จะทำให้ชีวิตของคุณในปัจจุบันเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจอย่างเหลือล้น ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับโลกรอบ ๆ ตัวคุณ คุณจะมีสันติสุขแห่งจิตใจในการที่รู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นเพื่อคุณ ไม่ว่าสหัสวรรษใหม่จะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง คุณสามารถที่จะมีพระเจ้า ผู้ซึ่งจะเป็นความมั่นคงของคุณได้อย่างแน่นอน
► | ฉัน/ผมได้เชิญพระเยซูให้เข้ามาในชีวิต (มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ดังต่อไปนี้) |
► | ฉัน/ผม อาจจะอยากเชิญให้พระเยซูเข้ามาในชีวิต กรุณาอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้ |
► | ฉัน/ผม มีคำถาม หรือ ความคิดเห็น |